
ผมเห็นเขามาตั้งแต่เกิด อยู่ด้วยกันแทบทุกช่วงเวลาในชีวิต เรามักใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน มีของเล่นเหมือนกัน ชอบกินอะไรคล้ายๆ กัน เพราะเขาคือน้องชายของผม มากไปกว่านั้น เขาคือ “ฝาแฝด” ของผม เราหน้าตาเหมือนกัน เหมือนกันจนใครต่อใครก็แทบแยกไม่ออก และเพราะหน้าตาเหมือนกันทุกๆ อย่าง ผมไม่ควรรู้สึกอะไรกับหัวใจตัวเองและเขาแบบนี้สิ เพราะมันไม่ต่างจากการที่ผมมองเห็นตัวเองมาเสมอ แต่ความหวั่นไหวมันเกิดขึ้นหลังจากที่เราเริ่มโตขึ้น ผมรู้สึกได้ชัดเจนว่าผมเปลี่ยนไป
ด้วยหน้าตาที่คล้าย หากแต่นิสัยเราต่างกันเกินไปจริงๆ ในขณะที่เขาเป็นคนที่สดใสร่าเริง เสมือนกับพระอาทิตย์ ที่มีดวงดาวโคจรรอบกาย เขาร่าเริง เฟรนด์ลี่ มีคนมากมายชอบพอเขา และเขาก็เข้ากันกับทุกๆ คนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ตรงข้ามกับผมทุกๆ อย่าง มืดหม่น เงียบขรึม และไม่ค่อยสนใจใครๆ รอบกายเลย ไม่ใช่คนไม่มีเพื่อน แต่เป็นคนที่ไม่ได้ชอบใช้โลกส่วนรวมมากกว่า นั่นเพราะว่าผมไม่ได้สนใจใครเลย ตั้งแต่ขึ้นม.ต้น ผมสนใจแต่เขา เขาเท่านั้น
และมันเริ่มรุนแรงมากขึ้น เมื่อวันที่เขาเริ่มมาเล่าเรื่องราวของผู้หญิงมากมายที่เข้ามาในชีวิต ขายขนมจีบ เข้ามาตีสนิท หรือแม้กระทั่งทำให้เขาหวั่นไหว จากที่ผมเคยรับฟัง แต่พอมันมากเกินไป ผมก็เริ่มที่จะหันหน้าหนีเขา ไม่รับฟังเขา และแสดงท่าทีที่ไม่น่ารักกับเขามากจนเกินพอดีจนหลายๆ ครั้งเราทะเลาะกัน ด้วยความไม่เข้าใจ ผมเองเสียใจทุกๆ ครั้ง เพราะผมหึงเขา ผมหวงรอยยิ้มเขา หวงเสียงหัวเราะ ผมไม่อยากให้ใครไปเจอใครทั้งนั้น แต่ทุกๆ ครั้ง ผมจะแสดงออกด้วยการแสดงท่าทีเหนื่อยหน่ายในชีวิต และเบื่อที่จะรับฟังเขา กลายเป็นว่าเขาไม่ได้แคร์ผมเลย เขาเอาแต่มองว่าผมไม่สนใจเขา แล้ววันหนึ่ง เราก็หมางเมินต่อกัน ทั้งๆ ที่เราควรจะสนิทกันมากกว่านี้…ใช่
ถ้าเลือกได้ ผมไม่อยากเกิดมาเป็นฝาแฝดกับเขาเลย ผมอยากเป็นคนอื่นที่สามารถคุยกับเขาได้โดยสนิทใจ ชอบเขาได้โดยไม่รู้สึกผิด หรือสามารถบอกรักเขาได้โดยที่ไม่ต้องมีเรื่องราวของสถานะเข้ามาเกี่ยวพันจนทำให้ต้องเก็บทุกๆ อย่างเอาไว้ในใจแบบนี้ คนที่ทำให้เขามีความสุขมันควรเป็นผม แต่ตอนนี้ผมกลับทำให้เขารู้สึกว่ามีแต่ความทุกข์ใดๆ ก็ตามเท่านั้นที่เขาได้รับมันไปจากผม
“ถ้ามึงไม่พอใจ มึงก็แยกห้องนอนกับกูไปเลย” นั่นคือประโยคแรกที่มันพูดกับผมรุนแรงที่สุด ตั้งแต่รู้จักกันมา 17 ปี แล้วก็เป็นครั้งแรก ที่มันได้เห็นผมยืนน้ำตาไหลต่อหน้ามัน แล้วคืนนั้นผมก็ขนผ้าห่มกับหมอนไปนอนที่ห้องใต้หลังคา แล้วเราก็ห่างกันไปเป็นเวลา 1 เดือน โดยที่พ่อแม่แทบจะไม่ได้สังเกตุความห่างเหินของเราสองคนเลยแม้แต่น้อย และในระหว่างนั้นผมก็เห็นเขามีผู้หญิงที่สนิทด้วย รวมทั้งเปิดตัวเป็นแฟนกันอย่างโจ่งแจ้ง นั่นทำให้ผมนอนร้องไห้มาตลอดเกือบ 2 เดือนเต็มๆ
กระทั่งวันหนึ่ง เขามาเคาะประตูผม แต่ผมไม่ได้เปิด ผมไม่อยากจะเปิดอะไรทั้งสิ้น กระทั่งมันไปเอากุญแจสำรองมาไขห้องผม จึงต้องแกล้งคลุมโปงแล้วหลับตาไปทั้งอย่างนั้น
“เอฟ…” มันเรียกชื่อผม แล้วเดินมานั่งลงข้างๆ เตียง ผมไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น กระทั่งเขาพูดขึ้นต่อ “มึงไม่พูดกับกูมาสองเดือนแล้วนะ…สักคำเลย มึงอยู่ได้ยังไงวะ ?”
ผมเลือกที่จะไม่ตอบ
“กูเลิกกับแจนแล้ว…มึงพอใจไหม ?”
“……”
สิ่งที่ผมไม่อยากจะคิดก็คือ มันนอนลงมาข้างๆ ผ้าห่ม แล้วกอดผมจากตรงนั้นผ่านผ้าห่มผืนหนา “ไม่อยากนอนกอดกูแล้วเหรอ ?”
“ออกไปเหอะ…” สุดท้ายผมก็เลือกที่จะพูด “ขอร้อง”
มันยังกอดผมแน่น “ต้องการกูไม่ใช่เหรอ พอกูมาหาแล้วจะหนีกูอีกทำไม ?”
ผมใจเต้น แต่ก็รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น สะบัดตัวเองยืนขึ้นจนมันกระเด็นตกเตียง น้ำตายังคลอเบ้าอยู่ “ให้กูหนีต่อไปเถอะ…มึงกลับมาแล้วได้อะไร กูได้อะไร มึงก็แค่เลิกกับเขา อกหัก อยากมีที่ระบาย เหมือนทุกทีอะ แล้วมึงเข้าใจคำว่ากูต้องการมึงจริงๆ หรือเปล่า ? กูจูบมึงได้ไหม ? กอดมึงได้ไหม ? รักมึงได้ไหม ? ก็ไม่ได้…มึงออกไปเหอะ ให้กูอยู่กับความรู้สึกเหี้ยๆ นี่คนเดียวก็พอแล้ว”
ผมยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ทุกคำพูดผมก็ถูกกลืนหายไป เพราะว่าจู่ ๆ ไอ้เอ็มก็ดึงหน้าผมเข้าไปจูบอย่างดูดดื่มและร้อนแรง ปลายลิ้นสอดแทรกเข้ามาเกี่ยวพันกัน เร่าร้นจนผมแทบจะอ่อนแรงที่จะต่อต้านใดๆ ทั้งสิ้น
ก่อนที่มันจะผละผมออก แล้วยิ้ม “จูบได้สิเอฟ…จูบได้ มึงจูบกูได้”
ผมน้ำตาไหลพราก ก่อนที่มันจะเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตา “อะ…เอ็ม”
“ชอบกูใช่ไหม เหมือนที่เขียนไว้ในสมุดบันทึกใช่หรือเปล่า ?”
ผมหลับตาไล่หยดน้ำตาทิ้ง “ใช่…”
มันขยับขึ้นมาแล้วดึงผมเข้าไปกอด กระทั่งผมหยุดร้องไห้ มันก็เดินไปปิดประตูแล้วล็อคบานประตูทันทีดังแกร๊ก ก่อนจะเดินกลับมาหาผม แล้วจับมือผมเอาไว้ “มึง…อยากจะเป็นของกู…หรืออยากจะเป็นเจ้าของกูล่ะเอฟ ?”
ผมหลับตานิ่ง แล้วเงียบอยู่นาน “อยากให้…มึงเป็นเจ้าของกู”
“คุณได้สิทธิ์นั้น เดี๋ยวนี้…” เขาพูดขึ้นพร้อมๆ กับเสียงปลดกางเกงลงช้าๆ เหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวบาง พร้อมกับสิ่งที่ผมก็รู้ว่ามันคืออะไร เอฟเอามือผมไปลูบไล้ลำควยของมัน ก่อนที่มันจะเริ่มแข็งขึ้นอย่างช้าๆ กระทั่งลำควยที่อยู่ภายใต้กางเกงตัวบางนั้นแข็งขึ้นเป็นลำใหญ่ ผมหายใจไม่ทั่วท้อง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แล้วเกี่ยวขอบกางเกงลงมาช้าๆ กระทั่งค่อยๆ ได้เห็นลำควยของมันที่เด้งพ้นขึ้นมาเหนือบ็อกเซอร์
“ก็ไม่ต่างจากของมึงนี่…” เอ็มว่า “เราเป็น…แบบนี้ มันจะไม่เหมือนได้ไงเนาะ”
“ไม่หรอก…” ผมตอบ เริ่มชักควยของมันเบาๆ “ไม่เหมือน…” แล้วเริ่มพรมจูบที่ลำควยของมัน พร้อมทั้งส่วนหัวควยที่บานสวยสีชมพูเรื่อ
“ทำไมวะ ?”
“เพราะมันเป็นของมึงไง” ผมพูด แล้วจัดการอ้าปาก อมควยให้มันทันทีโดยที่ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรอีกต่อไปแล้วในเวลานี้
“อะ…อึ๊ก ซี้ดดดด ยังไม่ได้บอกให้อม ละ เลย ซี้ดดด อะ…เออ อมเลย อมควยกูได้เลย” เขาลูบหัวผมเบาๆ “อะ อาห์!”